สวัสดีพี่น้องทิงนองนอย
มาแย้วThe last train บทที่1
เชิญอ่านได้เยย(แล้วใครอ่านอยู่ฟระ)
บทที่ 1รถไฟของผีเสื้อทั้ง2
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีผีเสื้อ2ตัวที่มีปีกอันขี้เหล่ ทำให้พวกมันถูกผีเสื้อตัวอื่นดูถูกต่างๆนานา พวกมันหนีออกมาจากฝูง เพื่อไปในที่ที่แสนไกล”
ในห้องสมุดของโรงเรียนประธมแห่งหนึ่งมีนิทานที่มีชื่อว่าการผจญภัยของผีเสื้อทั้ง2วางอยู่ในชั้น มันเป็นที่นิยมของเด็กๆมาก แม้แต่ผู้ใหญ่ยังรู้สึกว่ามันสุดยอด
และนิทานเรื่องนี้ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ
มาเอดะ โจ นักเรียนมัธยมปลายปี2ห้อง6 อายุ16ปี วันนี้เขาตัดสินใจเดินไปนั่งที่รางรถไฟแถวโรงเรียน สาเหตุมาจากเรื่องที่ว่าครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวของหมอ ทำให้อนาคตของเขาถูกตัดสินไว้แล้ว แล้วเขาเองก็ยังเจอแต่การถูกเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่า ทำให้เขาเริ่มหมดหวังกับชีวิต และอีกเหตุผลคือ เขาไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก ทำให้เขาชอบเก็บตัว เลยทำให้ไม่มีเพื่อน เขาคิดว่าเขาไม่ต้องการชีวิตยับๆของเขาแล้ว เขาคิดแค่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ได้ในการลาโลก แต่ว่าทำไปกี่วิธีก็ไม่สำเร็จ วิธีสุดท้ายของเขาคือรอรถไฟมาชนเขาในขณะที่เขากำลังนั่งมองท้องฟ้า
ตอนจบของมาเอดะ โจ ก็ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ
นาคามุระ โจ นักเรียนมัธยมปลายปี2ห้อง2อายุ16ปี เธอตัดสินใจเดินไปนั่งที่รางรถไฟแถวโรงเรียน สาเหตุมาจากเรื่องที่ว่าเธอเป็นคนที่นิสัยดีมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอๆ แต่ก็ดีมากเกินไปจนไม่รู้จักความชั่ว จึงมักโดนหลอกให้ทำชั่วหรือบางครั้งก็โดนโยนความชั่วใส่ตัว ทำให้เธอโดนเพื่อนๆรังเกลียดจนเธอมักจะโดนกลั่นแกล้งประจำ และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เธอไม่อยากจะทนอยู่ในโลกอันเน่าเฟะแห่งนี้ เธอคิดฆ่าตัวตายมาไม่รู้กี่ล้านวิธี สุดท้ายวิธีที่เธอคิดว่าดีสำหรับเธอคือการนั่งรอรถไฟที่รางรถไฟสายมรณะแห่งนี้
และแน่นอน ตอนจบของนาคามุระ โจ ก็ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบอีกเช่นกัน
กริ๊ง......
“ค่ะ! บ้านมาเอดะค่ะ”
หญิงสาววัย30ปลายเดินมารับโทรศัพท์
“แม่ นี่ผมเอง”
เสียงเด็กหนุ่มพูดเบาๆ
“อ้าว! โจเองเหรอลูก เดี๋ยวซินี่มันเป็นเวลาเรียนพิเศษของลูกนี่ ทำไม...”
หญิงสาวเริ่มสงสัยกับเสียงรอบข้างเด็กหนุ่ม
“ก็ใช่...แต่ผมเขียนจ.ม.ลาออกจากที่นั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มตอบกลับมา
“ว่าไงนะ!? มันหมายความว่าไงน่ะลูก ถ้าพ่อรู้เข้าก็แย่น่ะซิ”
หญิงสาวเริ่มแสดงความเป็นห่วง
“ช่างมันเถอะเรื่องพรรค์นั้นน่ะ ผมแค่จะโทรมาบอกว่าไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อผมหรอกนะ แค่นี้แหล่ะ”
ตู๊ด...........
“เดี๋ยวซิโจ!!!!”
หญิงสาวพยายามจะพูดอะไรกับเด็กหนุ่มแต่เด็กหนุ่มก็วางสายไปแล้ว ทำให้หญิงสาวเริ่มเป็นห่วงแล้วกดโทรศัพท์หาผู้ชายคนหนึ่ง
ปี๊บ ปี๊บ
ตู๊ด.......
แกร๊ก
‘สวัสดีครับ...’
และ ณ ที่แห่งหนึ่งก็มีคนสองคนคุยโทรศัพท์กัน
I’m your biggest fan. I follow you until you love me.
“ไง! นาคามุระ”
เด็กสาวผมสีแดงประกายส้มรับโทรศัพท์จากคนรู้จัก
“คุณอิซึมิซินะ...ค่ะ ฉันจะมาขอลาออกจากชมรม”
ทางอีกสายเองก็เป็นเสียงเด็กสาว เธอพูดเสียงเบาทุ้มต่ำ
“เอ๊??? ทำไมล่ะ?”
เด็กสาวผมแดงถาม
“ไม่จำเป็นต้องรู้...”
แกร๊ก
แล้วเด็กสาวอีกคนก็วางสายไปโดยปล่อยให้เด็กสาวอีกคนงุนงง
“อะไรของเขานะ เฮ้อ~”
เด็กสาวหัวแดงถอนใจแล้วเดินตามเพื่อนๆไป
ณ รางรถไฟหน้าโรงเรียน
ตอนนี้เป็นเวลา17.00น. เป็นเวลาที่การ์ตูนยอดฮิตกำลังฉาย ซึ่งมาเอดะ โจและนาคามุระ โจ ก็ติดตามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่วันนี้เขาและเธอคงต้องไม่ได้ดูมันอีก นั้นเลยกลายเป็นแรงกระตุ้นความไม่อยากตายของเขาและเธอ
เขาและเธอเดินมาเจอกันที่รางรถไฟพอดี ทั้งคู่จึงทักทายกันตามสัญชาติญาณ
“ไง เธอคงเป็นนาคามุระซินะ”
เด็กหนุ่มยกมือทักทาย
“อา ส่วนนายก็มาเอดะใช่ไหม”
เด็กสาวโบกมือทักทาย
“เธอมาทำอะไรที่นี้ล่ะ”
เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ฉันเองก็อยากจะถามนายเหมือนกัน”
เด็กสาวไม่ตอบคำถามแต่กลับถามย้อนกลับมาแทน
“...”
เด็กหนุ่มเงียบกริบแล้วหันหน้าไปทางอื่นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
“งั้นเหรอ...”
เด็กสาวตอบกลับเพราะเริ่มเดาออกจากสีหน้า
“แล้วเธอล่ะ...”
เด็กหนุ่มเริ่มถามเธอบ้าง
“เหมือนนายน่ะแหล่ะ”
เด็กสาวตอบแล้วหันหน้าไปมองรางรถไฟที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา
“...”
“...”
ทั้งคู่เงียบกริบ จากนั้นทั้งคู่ก็มองหน้ากันแล้วนั่งหันหลังชนกันบนรางรถไฟ ทั้งคู่ไม่พูดอะไร รอบข้างมีแต่เสียงลมพัดที่ฟังแล้วสบายหู
จากนั้นไม่นานก็มีเสียงรถไฟมาแต่ไกล
“นั่นไง ทางสว่างของนายกับฉันมาแล้วล่ะ”
เด็กสาวเริ่มบทสนทนา
“ทางสว่างเหรอ ฉันว่านั่นมันทางไปสู่ความตายชัดๆ”
เด็กหนุ่มพูดกลับ
“นายไม่ได้อยากตายหรือไง”
เด็กสาวเริ่มสงสัยในคำพูดของเด็กหนุ่ม
“อยากซิ”
เด็กหนุ่มตอบเพื่อให้เด็กสาวหายสงสัย
“...”
“...”
ปู๊น~~~~~
ทั้งคู่นั่งเงียบ ตอนนี้เสียงรถไฟเริ่มเข้าใกล้ทั้ง2 แต่ทั้ง2ก็ยังนั่งนิ่งๆ แล้วหลับตาลงช้าๆ ทุกอย่างอยู่ในความมืด เสียงรถไฟดังขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกเหมือนมันเริ่มจะอยู่ใกล้ๆ แรงสั่นสะเทือนทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถไฟ
ทุกอย่างเงียบกริบ มีแต่เสียงรถไฟและแรงสั่นสะเทือนของรถไฟ
“ที่นี่ที่ไหน เฮ้! นาคามุระ”
เด็กหนุ่มพูด
“จะไปรู้เหรอ โลกหลังความตายมั้ง”
เด็กสาวตอบกลับ
“งั้นลองลืมตาดูไหม”
เด็กหนุ่มชักชวน
“อา”
เด็กสาวตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ก็เปิดเปลือกตาช้าๆ
สิ่งแรกที่ทั้งคู่เห็นคือฝ่ายตรงข้ามในชุดไปรเวท สิ่งที่2คือเบาะนั่งในรถไฟสีแดง พอทั้งคู่ลองตรวจสอบดูรอบๆข้างแล้ว เหมือนเป็นรถไฟ ทั้งคู่จึงทำหน้างุนงง
จากนั้นคนตัวเล็กในชุดสีดำใส่ถุงกระดาษไว้บนหัวก็เดินเข้ามาหาทั้ง2คนแล้วพูดคำเดียวสั้นๆว่า
“สวัสดีครับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขอต้อนรับสู่รถไฟขบวนแรกนะครับ”
“หา?????”
ทั้งคู่เองก็พูดคำเดียวสั้นๆ เช่นกัน
ไง สนุกป่ะ(ไม่รู้เรื่องโว้ย)
คาดว่าตอนต่อไปคงจะ...(ไม่รู้)
ไปล่ะนร๊า บ๊ะบาย
โอม...
ตอบลบใครอ่านขอให้แฟนสวย
สามีหล่อ
สาธุ