วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

all CG

เฮ!!!!!!!!!!
สอบเสร็จแง้ว
โหมกระหน่ำCG!!!!!
ตอนแรกนังGก้อตัดเส้นด้วยpaht
แต่ยุ่งยากมากเลยตัดเส้นก่อนสแกนเข้ามาซะเรย
รูปแรก
สาวแว่นเป่าเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง(ไม่สามารถระบุได้ว่ามันครืออะไร)
พอเอาไปให้เพื่อนดู มีคนนึงบอกว่าเหมือนครูสอนวิชาดนตรีสากลเรย
Gก้อคิดงั้น...
มารูปต่อไป
มิกุเองจร๊า~
จะแปลกมั้ยเนี๊ยะที่ปลื้มรูปที่ตัวเองวาด
เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้
สุดท้าย
ใกล้วันเกิดนังGแล้ว
ก้อแค่นั้น...
แต่ทุกๆวันรู้สึกเหมือนความตายเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
สังหรไม่ค่อยดี
อ๊ะๆ ออกทะเลมากไปแล้ว
ลาล่ะนร๊า~
แล้วก้อเรารู้ว่าคุณอ่านอยู่
อย่ามาซึนเดเระ!

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมื่อทำCGเป็น...

Say hi!ทุกทั่นที่น่าเคารพรัก
ฟังชื่อหัวข้อก็รู้สึกดีใจเหมือนถูกหวย ได้งานทำ เรียนจบ สมหวัง
เพราะภาพต่อไปนี้ครือCGอันแรกของนู๋!!!!!!!!!!!!!!
อเนโมเน่ จากเรื่องEUREKA SEVEN
ครือว่าเปงโอตาคุเรื่องนี้ล่ะนะ
ของสตูดิโอโบนส์สุโค้ยทู๊กเรื่อง!!!!!!!!!!
(ก้อเพราะอนิเมส่วนใหญ่ที่นังGชอบมันสร้างที่สตูนี่เกือบทั้งหมด)
คราวนี้ใบ้แดร๊กแล้ว
ไปดีกว่า

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พักสมอง

(อุ๊ย ต๊าย~ ขยับได้มะนี่-_-)
อา...สวัสดีทุกทั่น นังGมาแง้ว
เพิ่งดูAngle Beast! มาล่ะ
ดูได้2ตอนเอง(และตอนที่3ก้อดูไม่ได้-_-)
ก้อเลยมาอัพบล็อคเล่นๆ
ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว Gเลยเครียดปานกลางถึงเล็กน้อย(เอ่อ..........)
เรื่องชีวิตที่มะรอมมะร่ออีก
Gก็เลยไปยืนอยู่ที่แห่งนึงแล้ว........
ดากา*ตื้ด* ดากา*ตื้ด* ดากา*ตื้ด*
(ขอตื้ดไว้ ไม่งั้นโดนข้อหาละเมิดลิขสิทธิ)
โอเคล่ะงานนี้ ว่างๆก็ทำล่ะ
(ใครมันจะไปทำได้ฟระ)
เอ้า! หมดแล้วซึ่งอารยะธรรม
งั้นลาล่ะ
ดากา*ตื้ด*

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปิดตัวmaid and butler cafeอย่างเป็นทางก๊าน~ทางการ

กลับมาแย้วเหยอกร๊ะนายทั่น
(พลัก//โดนตบข้อหาพูดไม่ชัด)
และนี่ครือการปรับโฉมบล็อคอย่างสมบูรณ์(มั้ง)

ถ้าถามว่ารูปนี่มีอารัยก็ตอบได้เต็มปากว่ารูปหัวบล็อค

แต่ที่ใช่รูปพ่อบ้านเซบาสจังเพราะ....

รูปมันเก-รี-ยน

ใช่แล้วเห็นแค่ขอบกระดาษด้านซ้าย

ครัยรู้วิธีแก้ก้อบอกกันหน่อยนร๊ะ

โอเคหมดสิ่งจะพร่ามแว้ว บายๆ


The last train-No.2-

ยาหู้~~~~~
เอามาลงแล้วจร๊าบทที่2
(มีการลักไก่เอาบทนำมาใส่บท2ด้วย-_-)
ก่อนเข้าเรื่องนังGมีรัยจาบอก
นังGตัดแว่นมาแย้ว สายตายาวล่ะ +75(สายตาคนแก่ ทั้งๆที่อายุสาวน้อย)
หมดสิ่งที่จะพูดอย่างสิ้นเชิง
แล้วบล็อคนี้ก้อจะมีการเปลี่ยนรูปแบบนะ บ๊ะบาย
บทที่ 2
การเดินทางของผีเสื้อทั้ง2

ปู๊น~~~~
ในรถไฟคันน้อยๆ ที่เขาและเธอกำลังโดยสารอยู่ ต่างปกคลุมด้วยความเงียบ ทั้ง2ได้ยินแต่เสียงรถไฟที่ตัวเองโดยสารมาเท่านั้น แต่จากนั้นก็มีเสียงเริ่มต้นบทสนทนาสั้นๆลอยมา
“ขอตรวจตั๋วด้วยครับ”
พนักงานตรวจตั๋วตัวเล็ก ใส่ชุดสีดำและใส่ถุงกระดาษไว้บนหัวเอ่ยขึ้น
“ตั๋ว?”
ทั้งคู่พูดพร้อมกันด้วยความสงสัย
“ใช่ครับ”
พนักงานเอ่ยอีกครั้ง
“ของพรรค์นั้นฉันไม่มีหรอก”
เขาเอ่ยขึ้น
“คุณต้องมีแน่”
พนักงานเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อย
“นายเป็นคนพาพวกฉันขึ้นมาไม่ใช่หรือไง เพราะฉะนั้นตั๋วซักใบก็ไม่มีให้หรอก”
เธอขึ้นเสียงเล็กน้อย
“คุณเป็นผู้โดยสารของเรา คุณต้องมีแน่”
พนักงานเริ่มเสียงสั่น
“ไม่มีก็ไม่มีซิ”
เขาและเธอพูดพร้อมกัน
“หา.....”
พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“...”
เขาและเธอเงียบ
“ก็ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันอยู่ใต้เบาะของคุณไงล่ะ!!!!! แง~”
พอพนักงานพูดจบก็รีบแจ้นออกจากโบกี้นี้
“หมายความว่าไงล่ะ”
เขาหันหน้าไปถามเธอ
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
เธอตอบกลับมา
“งั้นเรามาลองดูใต้เบาะกันไหม”
เขาย่อตัวมานั่งข้างๆเบาะ
“ก็ดี”
เธอยืนขึ้นแล้วก้มลงดูใต้เบาะ
ทั้งรถไฟกับมาเงียบอีกครั้ง เมื่อเขาและเธอก้มลงดูใต้เบาะ ประโยคแรกที่พวกเขาเห็นคือ...
“Welcome to the first train-WORM-”
“นี่มันอะไรเนี๊ยะ!!!!!”
ทั้งคู่เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและหันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง
ทั้งคู่เงียบสักพักแล้วต่างก็หยิบตั๋วจากใต้เบาะมา แล้วก็มีของบางอย่างหล่นลงมา มันคือกระดาษข้อสอบที่ได้ศูนย์คะแนนและเครื่องเกมส์ที่น่าจอมีคำว่าGame Over12ขึ้นอยู่กลางจอ
“อ้าว!นี่มันชื่อของฉันนี่”
ทั้ง2ร้องออกมาเมื่อเห็นของทั้ง2มีชื่อของตัวเองติดอยู่
แล้วทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“เธอชื่อโจหรือไง?”
เด็กหนุ่มหันหน้ามาถามเด็กสาว
“ใช่น่ะซิ แล้วนายน่ะชื่อโจหรือไง?”
พอเด็กสาวตอบคำถามเสร็จก็หันมายิงคำถามใส่บ้าง
“ใช่”
เด็กหนุ่มพูดพลางพยักหน้า
พอทั้งคู่ถามตอบคำถามกันเสร็จก็กลับมานั่งเงียบบนเบาะสีแดงสด ทั้งคู่พร้อมใจกันหันไปมองนอกหน้าต่าง

“ผีเสื้อทั้ง2ออกเดินทางสู่ทะเลทรายสีฟ้าเพื่อตามหาสถานที่ที่ห่างไกล ในทะเลทรายสีฟ้านั้นมีแต่เม็ดทรายสีฟ้าดุจอัญมณี ผีเสื้อทั้ง2รู้สึกว่าเหล่าเม็ดทรายพวกนี้สวยงามมากแต่พวกมันก็ไม่ได้สนใจเหล่าเม็ดทรายและเดินทางต่อไป”
และนิทานเรื่องนี้ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ

สิ่งทั้งคู่เห็นเป็นทะเลทรายสีฟ้าที่มีแต่เม็ดทรายสีฟ้าที่สวยงามเหมือนทะเลและอัญมณีและท้องฟ้าสีคราม เลยทำให้ดูเหมือนรถไฟที่ทั้งคู่นั่งมากำลังวิ่งอยู่บนพื้นน้ำ
นั้นยิ่งเพิ่มความงุนงงให้ทั้ง2 เพราะสิ่งที่ทั้ง2เห็นมันสิ่งที่ไม่น่าจะมีในโลก ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“เธอรู้จักไอนี่หรือเปล่า?”
เด็กหนุ่มถามเด็กสาวที่นั่งข้างๆ
“ไม่อ่ะ แต่ลักษณะมันคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหน”
เด็กสาวตอบคำถามทุกอย่างที่พอจะตอบได้
“เคยได้ยิน”
“ใช่”
“จากที่ไหนน่ะ”
“ก็จากหนังสือที่เคยอ่าน”
“ฉันเองก็ว่าลักษณะมันคุ้นๆ”
“คงเป็นเรื่อง...”
ขณะที่เด็กสาวกับเด็กหนุ่มกำลังสนทนากันลื่นไหล ก็มีชายตัวสูงเดินเข้ามาทักทั้ง2
“ยินดีต้อนรับท่านทั้ง2สู่รถไฟขบวนที่1 ผมคือคนตรวจตั๋วคนที่156ชื่อ156ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายตัวสูงโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“อา...ฉะ...ฉันมาเอดะ โจ”
เด็กหนุ่มกล่าวตอบอย่างงุนงง
“ฉันนาคามุระ โจ”
แต่เด็กสาวตอบอย่างชัดเจนแต่ก็ยังทำหน้างุนงงอยู่ดี
“ท่านทั้ง2ชื่อเหมือนกันเลยนะครับ เรียกนามสกุลคงดูเป็นทางการไป แต่ท่าเรียกชื่อก็จะซ้ำกันอีก งั้นผมจะตั้งชื่อเล่นให้ดีไหมครับ”
ชายหนุ่มถามทั้ง2
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ก็เพราะคำถามนี่ทำให้ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“เอาไง”
“นั่นซิ”
“นายตัดสินใจ”
“ได้ไงอ่ะ”
“แต่ว่าแค่ชื่อเล่นเองนี่นะ”
“นั่นซิ เราก็ให้เขาตั้งๆไปเถอะ”
“งั้นตกลงผมตั้งให้เองนะครับ”
ชายหนุ่มแทรกหน้าของทั้ง2 ทำให้ทั้ง2ตกใจอย่างมาก
“คุณผู้ชายชื่อโจทาโร่แล้วกัน”
ชายหนุ่มชี้หน้า
“อา...ขอบใจนะ”
เด็กหนุ่มมีท่าทีตะกุกตะกักเล็กน้อย
“ส่วนคุณผู้หญิงชื่อโจโกะนะครับ”
“ขอบใจ”
เด็กสาวก้มหัวเล็กน้อยแล้วเงยขึ้นมา
ตอนนี้รถไฟกำลังเดินทางเข้าใกล้โอเอซิสแห่งหนึ่ง ข้างหน้ามีแต่ต้นไม้และแอ่งน้ำใหญ่พอๆกับทะเลสาบ ทั้งคู่มองไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เอ่อ...จะไปที่นั่นจริงๆเหรอ”
เด็กหนุ่มทำถ้าสงสัยพร้อมตงิดใจเล็กน้อย
“ใช่ ข้างหน้าเป็นทะเลสาบนะ แถมไม่มีรางรถไฟด้วย”
เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็จะไปจริงๆน่ะซิครับ”
ชายหนุ่มตอบคำถามของทั้งคู่
“งั้นก็...”
ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน
“ใช่ครับ เราจะดำน้ำกัน”
พอชายหนุ่มพูดเสร็จ รถไฟก็เคลื่อนขบวนลงทะเลสาบไปเกือบครึ่งคัน ภาพที่ทั้งคู่เห็นมันเกินกว่าจะบรรยาย รถไฟทั้งคันกำลังจะจมลงไปในน้ำ ทั้งคู่ได้แต่นั่งงง
จากนั้นรถไฟก็จมลงสู่ก้นทะเลสาบ

ก่อนจากก้อแถมท้าย
แสดงความเห็นได้ทุกเมื่อ เรารู้ว่าคุณอ่าน ไม่ต้องมาซึนเดเระนะเธอว์

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The last train-No.1-

สวัสดีพี่น้องทิงนองนอย
มาแย้วThe last train บทที่1
เชิญอ่านได้เยย(แล้วใครอ่านอยู่ฟระ)
บทที่ 1
รถไฟของผีเสื้อทั้ง2

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีผีเสื้อ2ตัวที่มีปีกอันขี้เหล่ ทำให้พวกมันถูกผีเสื้อตัวอื่นดูถูกต่างๆนานา พวกมันหนีออกมาจากฝูง เพื่อไปในที่ที่แสนไกล”
ในห้องสมุดของโรงเรียนประธมแห่งหนึ่งมีนิทานที่มีชื่อว่าการผจญภัยของผีเสื้อทั้ง2วางอยู่ในชั้น มันเป็นที่นิยมของเด็กๆมาก แม้แต่ผู้ใหญ่ยังรู้สึกว่ามันสุดยอด
และนิทานเรื่องนี้ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ

มาเอดะ โจ นักเรียนมัธยมปลายปี2ห้อง6 อายุ16ปี วันนี้เขาตัดสินใจเดินไปนั่งที่รางรถไฟแถวโรงเรียน สาเหตุมาจากเรื่องที่ว่าครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวของหมอ ทำให้อนาคตของเขาถูกตัดสินไว้แล้ว แล้วเขาเองก็ยังเจอแต่การถูกเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่า ทำให้เขาเริ่มหมดหวังกับชีวิต และอีกเหตุผลคือ เขาไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก ทำให้เขาชอบเก็บตัว เลยทำให้ไม่มีเพื่อน เขาคิดว่าเขาไม่ต้องการชีวิตยับๆของเขาแล้ว เขาคิดแค่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ได้ในการลาโลก แต่ว่าทำไปกี่วิธีก็ไม่สำเร็จ วิธีสุดท้ายของเขาคือรอรถไฟมาชนเขาในขณะที่เขากำลังนั่งมองท้องฟ้า
ตอนจบของมาเอดะ โจ ก็ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ

นาคามุระ โจ นักเรียนมัธยมปลายปี2ห้อง2อายุ16ปี เธอตัดสินใจเดินไปนั่งที่รางรถไฟแถวโรงเรียน สาเหตุมาจากเรื่องที่ว่าเธอเป็นคนที่นิสัยดีมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอๆ แต่ก็ดีมากเกินไปจนไม่รู้จักความชั่ว จึงมักโดนหลอกให้ทำชั่วหรือบางครั้งก็โดนโยนความชั่วใส่ตัว ทำให้เธอโดนเพื่อนๆรังเกลียดจนเธอมักจะโดนกลั่นแกล้งประจำ และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เธอไม่อยากจะทนอยู่ในโลกอันเน่าเฟะแห่งนี้ เธอคิดฆ่าตัวตายมาไม่รู้กี่ล้านวิธี สุดท้ายวิธีที่เธอคิดว่าดีสำหรับเธอคือการนั่งรอรถไฟที่รางรถไฟสายมรณะแห่งนี้
และแน่นอน ตอนจบของนาคามุระ โจ ก็ยังไม่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบอีกเช่นกัน

กริ๊ง......
“ค่ะ! บ้านมาเอดะค่ะ”
หญิงสาววัย30ปลายเดินมารับโทรศัพท์
“แม่ นี่ผมเอง”
เสียงเด็กหนุ่มพูดเบาๆ
“อ้าว! โจเองเหรอลูก เดี๋ยวซินี่มันเป็นเวลาเรียนพิเศษของลูกนี่ ทำไม...”
หญิงสาวเริ่มสงสัยกับเสียงรอบข้างเด็กหนุ่ม
“ก็ใช่...แต่ผมเขียนจ.ม.ลาออกจากที่นั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มตอบกลับมา
“ว่าไงนะ!? มันหมายความว่าไงน่ะลูก ถ้าพ่อรู้เข้าก็แย่น่ะซิ”
หญิงสาวเริ่มแสดงความเป็นห่วง
“ช่างมันเถอะเรื่องพรรค์นั้นน่ะ ผมแค่จะโทรมาบอกว่าไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อผมหรอกนะ แค่นี้แหล่ะ”
ตู๊ด...........
“เดี๋ยวซิโจ!!!!”
หญิงสาวพยายามจะพูดอะไรกับเด็กหนุ่มแต่เด็กหนุ่มก็วางสายไปแล้ว ทำให้หญิงสาวเริ่มเป็นห่วงแล้วกดโทรศัพท์หาผู้ชายคนหนึ่ง
ปี๊บ ปี๊บ
ตู๊ด.......
แกร๊ก
‘สวัสดีครับ...’

และ ณ ที่แห่งหนึ่งก็มีคนสองคนคุยโทรศัพท์กัน

I’m your biggest fan. I follow you until you love me.
“ไง! นาคามุระ”
เด็กสาวผมสีแดงประกายส้มรับโทรศัพท์จากคนรู้จัก
“คุณอิซึมิซินะ...ค่ะ ฉันจะมาขอลาออกจากชมรม”
ทางอีกสายเองก็เป็นเสียงเด็กสาว เธอพูดเสียงเบาทุ้มต่ำ
“เอ๊??? ทำไมล่ะ?”
เด็กสาวผมแดงถาม
“ไม่จำเป็นต้องรู้...”
แกร๊ก
แล้วเด็กสาวอีกคนก็วางสายไปโดยปล่อยให้เด็กสาวอีกคนงุนงง
“อะไรของเขานะ เฮ้อ~”
เด็กสาวหัวแดงถอนใจแล้วเดินตามเพื่อนๆไป

ณ รางรถไฟหน้าโรงเรียน
ตอนนี้เป็นเวลา17.00น. เป็นเวลาที่การ์ตูนยอดฮิตกำลังฉาย ซึ่งมาเอดะ โจและนาคามุระ โจ ก็ติดตามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่วันนี้เขาและเธอคงต้องไม่ได้ดูมันอีก นั้นเลยกลายเป็นแรงกระตุ้นความไม่อยากตายของเขาและเธอ
เขาและเธอเดินมาเจอกันที่รางรถไฟพอดี ทั้งคู่จึงทักทายกันตามสัญชาติญาณ
“ไง เธอคงเป็นนาคามุระซินะ”
เด็กหนุ่มยกมือทักทาย
“อา ส่วนนายก็มาเอดะใช่ไหม”
เด็กสาวโบกมือทักทาย
“เธอมาทำอะไรที่นี้ล่ะ”
เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ฉันเองก็อยากจะถามนายเหมือนกัน”
เด็กสาวไม่ตอบคำถามแต่กลับถามย้อนกลับมาแทน
“...”
เด็กหนุ่มเงียบกริบแล้วหันหน้าไปทางอื่นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
“งั้นเหรอ...”
เด็กสาวตอบกลับเพราะเริ่มเดาออกจากสีหน้า
“แล้วเธอล่ะ...”
เด็กหนุ่มเริ่มถามเธอบ้าง
“เหมือนนายน่ะแหล่ะ”
เด็กสาวตอบแล้วหันหน้าไปมองรางรถไฟที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา
“...”
“...”
ทั้งคู่เงียบกริบ จากนั้นทั้งคู่ก็มองหน้ากันแล้วนั่งหันหลังชนกันบนรางรถไฟ ทั้งคู่ไม่พูดอะไร รอบข้างมีแต่เสียงลมพัดที่ฟังแล้วสบายหู
จากนั้นไม่นานก็มีเสียงรถไฟมาแต่ไกล
“นั่นไง ทางสว่างของนายกับฉันมาแล้วล่ะ”
เด็กสาวเริ่มบทสนทนา
“ทางสว่างเหรอ ฉันว่านั่นมันทางไปสู่ความตายชัดๆ”
เด็กหนุ่มพูดกลับ
“นายไม่ได้อยากตายหรือไง”
เด็กสาวเริ่มสงสัยในคำพูดของเด็กหนุ่ม
“อยากซิ”
เด็กหนุ่มตอบเพื่อให้เด็กสาวหายสงสัย
“...”
“...”
ปู๊น~~~~~

ทั้งคู่นั่งเงียบ ตอนนี้เสียงรถไฟเริ่มเข้าใกล้ทั้ง2 แต่ทั้ง2ก็ยังนั่งนิ่งๆ แล้วหลับตาลงช้าๆ ทุกอย่างอยู่ในความมืด เสียงรถไฟดังขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกเหมือนมันเริ่มจะอยู่ใกล้ๆ แรงสั่นสะเทือนทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถไฟ

ทุกอย่างเงียบกริบ มีแต่เสียงรถไฟและแรงสั่นสะเทือนของรถไฟ

“ที่นี่ที่ไหน เฮ้! นาคามุระ”
เด็กหนุ่มพูด
“จะไปรู้เหรอ โลกหลังความตายมั้ง”
เด็กสาวตอบกลับ
“งั้นลองลืมตาดูไหม”
เด็กหนุ่มชักชวน
“อา”
เด็กสาวตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ก็เปิดเปลือกตาช้าๆ
สิ่งแรกที่ทั้งคู่เห็นคือฝ่ายตรงข้ามในชุดไปรเวท สิ่งที่2คือเบาะนั่งในรถไฟสีแดง พอทั้งคู่ลองตรวจสอบดูรอบๆข้างแล้ว เหมือนเป็นรถไฟ ทั้งคู่จึงทำหน้างุนงง
จากนั้นคนตัวเล็กในชุดสีดำใส่ถุงกระดาษไว้บนหัวก็เดินเข้ามาหาทั้ง2คนแล้วพูดคำเดียวสั้นๆว่า
“สวัสดีครับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขอต้อนรับสู่รถไฟขบวนแรกนะครับ”
“หา?????”
ทั้งคู่เองก็พูดคำเดียวสั้นๆ เช่นกัน

ไง สนุกป่ะ(ไม่รู้เรื่องโว้ย)
คาดว่าตอนต่อไปคงจะ...(ไม่รู้)
ไปล่ะนร๊า บ๊ะบาย

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The last train-charactor-

สวัสดีครั้งที่3ของวัน(ว่างมากซินะ)
มะกี้เพิ่งสอนพับกระดาษไป
ตามที่สัญญาไว้ว่าจะแนะนำตัวละครในThe last train ก้อมาทำตามสัญญาเรียบร้อย
2คนนี้ชื่อโจ แปลว่าผีเสื้อ ซึ่งทั้งเรื่องมีตัวละครแค่2ตัว(ไม่รวมคนตรวจตั๋วที่ไม่ค่อยมีบทอีก3ตัว)
ต่อไปเปงรูปสีของทั้ง2อ่ะนะ


โอเคนะ ทำตามที่บอกไว้แล้ว
นี้คงเปงบทความสุดท้าย(ของวันนี้)
ลาล่ะนะ




ซากุระ

สวัสดีครั้งที่2ของวันนะ(วันนี้ว่างระดับเทพ)
มาสอนพับกระดาษล่ะเธอ มาพับซากุระกันเต๊อะ!
เตรียมของเร็วหนูๆ
อุปกรณ์มี กรรไกร กระดาษ ไม้บรรทัด และมือของผู้พับ
กระดาษต้องเปง4เหลี่ยมด้านเท่านะตัว เพราฉะนั้นจงทำให้เปง4เหลี่ยมด้านเท่า ณ บัดนาว
ไม้บรรทัดทาบ
ฉีกๆ
เปงเช่นนี้
กางออกซิเธอ
มาเริ่มเลย
1.พับกระดาษเข้าตามรูป
2.พับเสร็จก้อพับเอาขอกกระดาษขึ้นมาอย่างงี้
ออกมาเปงเช่นนี้
และกางออก
3.เหมือนเดจาวูนะ ที่เราต้องทำคล้ายๆกับข้อ2แตใช้หัวกระดาษ
ออกมาแบบนี้
และกางออก
4.เมื่อเส้นทั้ง2ขนานกัน กึ่งกลางจึงเกิดขึ้นดังรูป
เพราะฉะนั้นเราควรพับปลายด้านซ้ายเข้ากึ่งกลาง
5.เอาปลายที่เธอเพิ่งพับมะกี้มาพับแบบรูป
6.จากนั้นก้อเกิดสิ่งที่คล้ายเดจาวูอีกรอบ ครือเราต้องพับปลายด้านขวาเข้ามาแบบนี้
สภาพเช่นนี้
7.พับครึ่งกระดาษไปข้างหลังแบบนี้
สภาพเหมือนช่อดอกไม้
8.ได้เวลาใช้กรรไกร ตัดตามรูปนะ
สภาพเช่นนี้นะเธอ
จากนั้นก็กางออก
ออกมาเปงซากุระ!!!
ง่ายมั้ยล่ะซากุของG
ไว้คราวหน้าจะมาสอนพับอะไรแปลกๆอีกนะ
แต่ตอนนี้ต้องเขียนนิยายต่อ
บ๊ะบายนะเธอ


















วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The last train-opening-

สวัสดีสวีดัดทุกๆท่าน
คราวนี้นังGนำนิยายมาลงเล่นๆ ชื่อว่า The last station'Butterfly' สถานีสุดท้ายของคนสิ้นหวัง
ถ้าถามว่าทำไมหัวข้อเปงtrainแต่เนื้อเรื่องเป็นstation ครือ...trainเปงชื่อย่ออ่ะนะ
เอาล่ะ!ต่อไปนี้เปงบทนำ เรื่องตัวละครจะแนะนำในตอนหน้านะ บ๊ะบาย
บทนำ
ในรถไฟคันน้อยๆ ที่เขาและเธอกำลังโดยสารอยู่ ต่างปกคลุมด้วยความเงียบ ทั้ง2ได้ยินแต่เสียงรถไฟที่ตัวเองโดยสารมาเท่านั้น แต่จากนั้นก็มีเสียงเริ่มต้นบทสนทนาสั้นๆลอยมา
“ขอตรวจตั๋วด้วยครับ”
พนักงานตรวจตั๋วตัวเล็ก ใส่ชุดสีดำและใส่ถุงกระดาษไว้บนหัวเอ่ยขึ้น
“ตั๋ว?”
ทั้งคู่พูดพร้อมกันด้วยความสงสัย
“ใช่ครับ”
พนักงานเอ่ยอีกครั้ง
“ของพรรค์นั้นฉันไม่มีหรอก”
เขาเอ่ยขึ้น
“คุณต้องมีแน่”
พนักงานเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อย
“นายเป็นคนพาพวกฉันขึ้นมาไม่ใช่หรือไง เพราะฉะนั้นตั๋วซักใบก็ไม่มีให้หรอก”
เธอขึ้นเสียงเล็กน้อย
“คุณเป็นผู้โดยสารของเรา คุณต้องมีแน่”
พนักงานเริ่มเสียงสั่น
“ไม่มีก็ไม่มีซิ”
เขาและเธอพูดพร้อมกัน
“หา.....”
พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“...”
เขาและเธอเงียบ
“ก็ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันอยู่ใต้เบาะของคุณไงล่ะ!!!!! แง~”
พอพนักงานพูดจบก็รีบแจ้นออกจากโบกี้นี้
“หมายความว่าไงล่ะ”
เขาหันหน้าไปถามเธอ
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
เธอตอบกลับมา
“งั้นเรามาลองดูใต้เบาะกันไหม”
เขาย่อตัวมานั่งข้างๆเบาะ
“ก็ดี”
เธอยืนขึ้นแล้วก้มลงดูใต้เบาะ
ทั้งรถไฟกับมาเงียบอีกครั้ง เมื่อเขาและเธอก้มลงดูใต้เบาะ ประโยคแรกที่พวกเขาเห็นคือ...
“Welcome to the first train-WORM-”